- สอบถามหาช่างจากแหล่งที่ไว้ใจได้
แหล่งที่ไว้ใจก็เช่น จากเพื่อนสนิทของคุณ หรือระแวกบ้านใกล้เคียงกับที่คุณอยู่อาศัย เพราะนอกจากจะได้รับข้อมูลของช่างแล้ว ยังได้รับการรีวิวด้วยว่าช่างฝีมือดีหรือไม่ ราคาของการจ้างช่างอยู่ในราคาประมาณเท่าไหร่ - สอบถามรายละเอียดของงาน วัสดุ และประเมินราคาเปรียบเทียบ
ติดต่อช่างเพื่อให้เข้ามาดูหน้างาน รายละเอียดของงานว่าจะต้องใช้วัสดุแบบใด วัสดุที่ใช้ราคาประมาณเท่าไหร่ ซึ่งหากมีงบประมาณจำกัดหรือไม่อยากให้งบบานปลายอาจไปเดินดูราคาของวัสดุจากห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายวัสดุต่อเติมบ้านก่อนก็ได้ค่ะ จากนั้นอาจเรียกช่างมาอีกสัก 1 – 2 ราย เพื่อประเมินราคาเปรียบเทียบ - แบ่งการจ่ายเงินออกเป็นงวด
ในการแบ่งการชำระเงินนั้นหากลักษณะงานไม่ต้องใช้ระยะเวลานานมาก เช่น เปลี่ยนหลอดไฟ ต่อไฟเพิ่ม หรือเปลี่ยนมุ้งลวดกันแมลง กันยุงนิดๆ หน่อยๆ ก็อาจชำระครั้งเดียวหลังเสร็จงานก็ได้ค่ะ แต่หากเป็นงานที่ต้องใช้ระยะเวลานาน เช่น การต่อเติมบ้าน ก็อาจทำการตกลงกับช่างว่าจะสามารถแบ่งจ่ายได้ 2 หรือ 3 งวด หรือมากกว่านั้น ตามความเหมาะสม และที่สำคัญการชำระเงินต้องระบุในสัญญาว่าจ้างในข้อต่อไปด้วยนะคะ นอกจากนี้หากมีการชำระเงินตามงวดก็ต้องให้ทางผู้รับเงินเซ็นรับทราบด้วยค่ะ - ทำสัญญาในการจ้างให้เป็นลายลักษณ์อักษร
และเมื่อเราได้ช่างที่เราคิดว่าโอเคที่สุดแล้วก็ค่อยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าใช้วัสดุอะไร ราคาเท่าไหร่ กำหนดการแล้วเสร็จของงาน และลงชื่อรับทราบทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมกับพยานด้วยนะคะ ซึ่งขั้นตอนนี้หลายคนอาจคิดว่ายุ่งยาก แต่เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายจึงควรทำสัญญาเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ผิดใจกันหากมีปัญหาอะไรก็ตามเกิดขึ้นในภายภาคหน้า - เลือกช่างที่มีสังกัด
เลือกช่างที่มีสังกัดหรือจดทะเบียนเป็นห้างร้าน หรือบริษัท เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันผู้บริโภคจากปัญหาช่างหาย งานไม่ตรงสเปก หรือปัญหาอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมา เพราะมีที่อยู่ชัดเจน
สำหรับผู้ที่รับบ้านมือใหม่ที่กำลังมองหาช่างมาดูแลบ้านเพียงนำ 5 เทคนิค เลือกช่างซ่อมท่อประปา, ไฟฟ้า, ซ่อมบ้าน นี้ไปใช้ก็ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาได้บ้างแล้วค่ะ แต่หาก 5 เทคนิคนี้ยังยุ่งยากเกินไป เพราะต้องใช้เวลานานในการแสวงหาช่างที่เราจะมั่นใจได้
